ข่าวสาร-กิจกรรม

งานปัจฉิมนิเทศ ที่วิทยาลัยเทคนิค เชียงใหม่ (2)

System

 

ช่วงถาม-ตอบ

 

 

 

 

 

 

 

 

นักศึกษา  -   ที่บอกว่าให้เชื่อว่าตัวเองมีความสามารถ

เราจะทราบได้อย่างไรว่าเรามีความสามารถมากพออย่างที่เราเชื่อมั่น

 

 

 

กะว่าก๋า  -   ในการเรียน..เราวัดคนเก่งกับคนไม่เก่งที่เกรดและคะแนนสอบ

แต่ในชีวิตจริงค่าคะแนนเหล่านั้นเกือบจะไม่มีความหมายอะไรเลยในตอนทำงาน

ผมมีเพื่อนที่เรียนจบเกียรตินิยมอันดับ 1  

สุดท้ายไปเป็นบรรณารักษ์ในห้องสมุดเล็กๆ

มีเพื่อนที่เรียนเก่งที่สุดในรุ่น

ตอนนี้เป็นเจ้าของร้านเหล้าเล็กๆ

ต้องฟังให้ดีดีนะครับ...ผมไม่ได้บอกว่าการเป็นบรรณารักษ์

หรือเป็นเจ้าของร้านเหล้าตองเล็กๆเป็นความล้มเหลวของชีวิต

เขาอาจจะมีความสุขกว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจหมื่นล้านก็ได้

 

ผมกำลังจะบอกว่า...เราจะทราบว่าตัวเรามีความสามารถได้อย่างไร

นั่นคือ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณทำอะไร

แล้วมีคนยอมรับเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณพูด  คิดและทำ

 

ผมว่านั่นเป็นการยอมรับความสามารถที่มีในตัวเราเช่นกัน

 

แต่สุดท้ายแล้วจริงหรือไม่จริง

ใช่หรือไม่ใช่  ผมว่าตัวเราเองนั่นล่ะ

ที่รู้ตัวเองดีที่สุดว่าเรามีสามารถมากน้อยเพียงใด

 

 

ถ้าคุณลอกข้อสอบแล้วคุณสอบได้ A

การได้เกรด A  ถือเป็นความสำเร็จมั้ย ?

คุณย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองโกง

 

ความสำเร็จที่แท้จริง

มันอยู่ที่ใจของเราเองนั่นแหละ

คนอื่นอาจจะชื่นชมหรือวิจารณ์เรา

แต่อย่าใช้คำพูดเหล่านั้นมาประเมินตัวเอง

 

จงถามตัวเองให้มากไม่ว่าทำสิ่งใด

ว่าคุณยังมีความสุขกับการทำสิ่งนั้นอยู่หรือเปล่า  ?

สิ่งที่เราทำอยู่คนอื่นได้ประโยชน์หรือเปล่า ?

 

 

อย่าวัดความสำเร็จเพียงแค่สิ่งที่คุณมองเห็น

อย่ารอให้รวยแล้วจึงคิดทำบุญ

อย่าพูดว่าต้องรอให้ตัวเองพร้อมก่อน  แล้วค่อยช่วยเหลือคนอื่น

วันนี้คุณทำสิ่งดีดีให้กับตัวเอง

ลองทำสิ่งเดียวกันนี้ให้กับคนอื่นด้วย

 

แค่เดินออกไปนอกห้องเห็นเศษขยะหล่นอยู่

แล้วเก็บไปทิ้ง

นี่ก็เป็นการทำความดีแล้ว

 

สิ่งนี้ต่างหากที่ผมคิดว่ามันเป็นความสามารถ

และความสำเร็จที่แท้จริงของคนๆหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นักศึกษา  -   บล็อกคืออะไรครับ ?  (เพื่อนฮา)

 

 

 

กะว่าก๋า –   นี่ต้องชมนะ  (เพื่อนยังฮาอยู่)

มีในนี้หลายคนที่ไม่รู้ว่าบล็อกคืออะไร  แต่ไม่กล้าถาม

เมื่อไหร่ที่คุณไม่รู้  แต่ไม่กล้าถาม

คุณจะไม่รู้ตลอดไป

แต่น้องเขากล้าถาม  เพราะฉะนั้นเมื่อผมตอบเสร็จ

น้องเขารู้แล้วนะครับว่าบล็อกคืออะไร ?

 

ผมเสริมเอาไว้ว่า

 

 

“ไม่รู้ให้ถาม”  ... 

 

 

ผมใช้วิธีนี้ในการเรียนรู้มาโดยตลอด

เวลาผมไม่รู้ และอยากรู้ในเรื่องใด

ผมจะเดินเข้าไปขอความรู้เสมอ

 

 

“พี่ครับ..ผมโง่เรื่องนี้ครับ  พี่ชวยสอนผมที”

 

 

ผมไม่เข้าใจเรื่องงานเขียน

ผมก็เขียนอีเมลส่งไปถามนักเขียนเก่งๆให้เขาช่วยแนะนำ

ทุกคนที่เก่งจริงพร้อมจะแบ่งปันความรู้ให้เราเสมอ

ขอเพียงเรากล้าที่จะเดินเข้าไปขอความรู้อย่างนอบน้อมถ่อมตน

 

 

 

 

บล็อกคือพื้นที่นำเสนอแนวคิด  ความรู้สึกและผลงานของเรา

เหมือนไดอารี่เล่มหนึ่ง  แต่เขียนลงไปในโลกออนไลน์

และคุณจะมีคนมาอ่านมาทักทายมากมาย

 

ไม่ว่าจะเป็น  Bloggang  ,  blogspot , exteen , facebook  ฯลฯ

 

น้องๆทุกคนสามารถมีบล็อกเป็นของตนเองได้

ด้วยการเข้าไปสมัคร

จากนั้นก็เริ่มเขียนสิ่งต่างๆลงไป

ถ้าเราทำมันอย่างต่อเนื่อง  

อย่างมีความสุข   สนุกกับการเขียนบล็อก

ถึงวันหนึ่งจะมีคนมองเห็นคุณค่าในงานของเรา

มันอาจจะกลายเป็นอาชีพได้ด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นักศึกษา  -  พี่เล่าว่าเริ่มต้นทำงานกับธุรกิจครอบครัวที่เป็นร้านเครื่องหนัง

แล้วเปลี่ยนมาทำงานบล็อกและหนังสือได้อย่างไร ?

 

 

 

กะว่าก๋า  -    ทุกวันนี้ผมยังทำงานที่ร้านอยู่

เวลามีคนถามว่าจบอะไรมา   พอบอกว่าจบสถาปัตย์

ทุกคนจะบอกว่าเสียดายจังที่ไม่ได้เป็นสถาปนิก

ใหม่ๆผมก็เสียดายครับ เพราะเรียนมาตั้ง 7 ปี

แถมช่วงที่ทุกข์กับการทำงานในช่วง 4-5 ปีแรก

คำถามเรื่องความเสียดายยิ่งชัดเจนมากในความรู้สึก

 

จนผ่านความทุกข์ในใจนั้นมาได้

ผ่านพ้นด้วยความคิดที่ว่า

จะไม่ทุกข์กับสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ได้

แต่จะมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่และเป็นได้

 

พอเปลี่ยนวิธีคิด 

แม้งานที่ทำจะเป็นงานเดิมที่เคยทุกข์และไม่ชอบ

เราก็สามารถเปลี่ยนใจและความรู้สึกให้เริ่มกลับมาชอบมันได้

เริ่มมองเห็นข้อดีในงานที่เราได้ทำอยู่

เริ่มเรียนรู้สิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาด้วยมุมมองใหม่

เริ่มสนุกกับงาน กับการเจอคนมากมายหลายแบบ

 

 

เปรียบเหมือนหนังสือในมือเรา

หนังสือยังคงเป็นหนังสือเล่มเดิม

ต่างกันตรงที่ว่าเราเปิดอ่านหรือวางมันไว้เหมือนเดิม

ถ้าคุณเกลียดหนังสือเล่มนี้  แล้ววางมันไว้ที่โต๊ะ

10 ปีผ่านไป  มันก็ยังคงเป็นหนังสือที่คุณเกลียด

แต่ถ้าคุณเปิดใจแล้วลองหยิบมันขึ้นมาอ่านทีละหน้า

ถึงแม้วันนี้อาจจะอ่านไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่จะต้องมีวันหนึ่งที่คุณจะเข้าใจในเนื้อหาภายหนังสือเล่มนี้ได้อย่างแน่นอน

 

 

 

คนเล่นกีตาร์เก่ง

ไม่จำเป็นต้องเป็นนักดนตรี

 

คนทำอาหารเก่ง

ไม่จำเป็นต้องเปิดร้านอาหาร

 

สิ่งที่คุณทำแล้วมีความสุข

วันหนึ่งอาจกลายเป็นอาชีพ

 

สิ่งที่คุณหวังว่ามันจะเป็นอาชีพ

ท้ายที่สุดอาจไม่ใช่ก็ได้

 

ทำอะไรก็ได้  แต่ขอให้ทำมันด้วยความรัก 

ด้วยความสุขและความสนุก

โอกาสที่จะประสบความสำเร็จ..ไม่ยากเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นักศึกษา  -   อยากทราบว่าตอนที่พี่ไปบอกพ่อว่าอยากเรียนศิลปะ

แล้วพ่อพูดว่า  “จบมาแล้วจะทำอะไรกิน ?”

พี่รู้สึกอย่างไรบ้าง ?

 

 

 

กะว่าก๋า   -    ตอนนั้นเชื่อพ่อครับ....

เห็นด้วยกับพ่อ

เพราะผมเองก็รู้สึกว่าอาชีพจิตรกรมันยากจริงๆ

ยากมากที่จะขายงานชิ้นละล้านเหมือนยุคนี้

 

บุคลิกส่วนตัวของผมเองเป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อฟังพ่อแม่

ก็คิดตามครับว่าท่านคงมีเหตุผลบางอย่างที่น่ารับฟัง

 

 

ผมถึงต้องมานั่งคิดว่าถ้าไม่เรียนศิลปะแล้วจะเรียนอะไร ?

ที่มันดูใกล้เคียงที่สุด   เลขนี่ไม่ชอบมาก

ภาษาต่างประเทศก็เข้าขั้นโง่เลย

สุดท้ายมีวิชาหนึ่งที่มันเป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะ

นั่นคือ สถาปัตยกรรม  เลยเลือกเรียนสถาปัตย์

 

นาทีที่พ่อบอกว่าอย่าเรียนเลยลูก

ก็ไม่ได้โกรธพ่อนะครับ เพราะรู้ดีว่าท่านห่วงใยเรา

 

 

 

 

 

 

 

 

กะว่าก๋า  -  ตอนนี้ยังเหลือหนังสืออยู่อีกหลายเล่ม

ใครอยากได้เดินลงมาเอาเลยครับ

 

 

(หลายคนอยากได้  แต่ไม่กล้าลุกเดินลงมา

หลายคนขยับเดินลงมารับหนังสือ)

 

 

 

หนังสือหมดแล้วนะครับ....

 

ผมกำลังจะบอกว่าเวลาคุณไปทำงาน

เอานิสัยแบบนี้ไปใช้ด้วย

นั่นคือ 

 

 

“เมื่อคุณอยากจะได้...จงเดินเข้าไปหา”

 

 

เมื่อคุณอยากได้ (หนังสือ)  จงเดินเข้าไปหา

อย่ารอ...เพราะในชีวิตจริงแห่งการทำงาน

จะไม่มีใครหยิบยื่นอะไรดีดีให้คุณอีกแล้ว

 

ในห้องเรียนอาจารย์จะเตรียมการเรียนการสอน

เตรียมเนื้อหาให้คุณเป็นปี  เพื่อจะนำมาสอนให้คุณในชั้นเรียน

แต่ในชีวิตจริงน้องๆจะไม่เจออาจารย์แบบนี้อีกแล้ว

 

คุณจะต้องไปทำงานในโลกที่มีแต่การแข่งขัน

 

มีการเอารัดเอาเปรียบ

ถ้าคุณฉลาดแต่ไม่รู้ทันคน  คุณจะตกเป็นเหยื่อ

 

เมื่ออยากได้...จงกล้าที่จะเดินไปหา  เดินไปขอ

เราต้องกล้าที่จะขอความรู้  กล้าที่จะขอโอกาส

อย่ารอให้โอกาสวิ่งมาชนตัวเรา

อย่าอายที่จะบอกว่า  “ผมไม่รู้  ผมโง่  ช่วยสอนผมด้วย”

 

 

เพราฉะนั้นเวลาไปทำงานจริง

ถึงแม้ว่าคุณจะเก่ง  แต่ถ้าคุณไม่กล้าพูด  ไม่กล้าแสดงออก

ไม่กล้าร้องขอโอกาสจากใครเลย 

คุณไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้แน่ๆ

 

แล้วโอกาสที่จะให้คุณแก้ตัว

มันมีไม่มากหรอก

 

เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาส

จงใช้โอกาสนั้นอย่างดีที่สุด

ทำมันให้ดีที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นักศึกษา   -   ความสุขและความสำเร็จมันมีจุดสิ้นสุดไหม ?

 

 

 

กะว่าก๋า   -    วันนี้สอบผ่านดีใจไหม ?  (น้องนักศึกษาพยักหน้า)

วันนี้แฟนบอกว่ารักตัวเองจัง..ดีใจไหม ?

วันนี้ผลสอบออกมาได้ 4.00 เอาเกรดกลับไปให้พ่อกับแม่ดู

อันนี้เรียกว่าประสบความสำเร็จหรือเปล่า ?

 

ใช่ทั้งหมดเลยนะครับ...

 

 

แต่มันเป็นความสุขและความสำเร็จแค่ “ชั่วขณะ”

 

 

ความสุขและความสำเร็จ

ผมว่ามันเหมือนกับลูกบอลที่เราโยนไป

แล้วมันก็เด้งไปเด้งมา

ขึ้นๆลงๆ  เดี๋ยวสุข  เดี๋ยวทุกข์  เดี๋ยวผิดหวัง เดี๋ยวสมหวัง

เดี๋ยวประสบความสำเร็จ  เดี๋ยวล้มเหลว

 

มันยากที่ใครคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

หรือมีความสุขอยู่ตลอดเวลา

 

 

วันนี้เราเป็นที่หนึ่ง...

พรุ่งนี้จะมีคนที่เก่งกว่าตามมา

 

สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า

อาจต้องเริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า

 

 

“ความสำเร็จที่แท้จริงของชีวิตคืออะไร ?”

 

 

บางคนอาจจะบอกว่าเรียนจบก็ประสบความสำเร็จแล้ว

หรือว่าการมีเงินทองเยอะๆ  การมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของผู้คน

หรือแม้แต่การมีทุกสิ่งทุกอย่างอย่างเพียบพร้อม

ถือเป็นชีวิตที่มีความสุข

 

 

ผมเคยถามตัวเองด้วยคำถามนี้...

คำถามที่ว่า ความสำเร็จที่แท้จริงของชีวิตคืออะไร ?

ผมคิดอะไรกันแน่กับชีวิตของตัวเอง ?

อยากรู้ว่าคนเราเกิดมาทำไม?

ตายแล้วไปไหน ?

 

 

ที่สุดแล้ว...ผมตอบคำถามเหล่านี้ด้วยคำตอบที่ว่า

 

 

“ชีวิตมันคือการทำหน้าที่”

 

 

วันนี้เราเป็นลูก..เราเป็นลูกที่ดีแล้วหรือยัง

เราเป็นเจ้านาย ...เราเป็นเจ้านายที่ดีแล้วหรือยัง

เราเป็นพ่อของลูก  เราทำหน้าที่อย่างดีแล้วหรือยัง

เราเป็นสามีของภรรยา  เราดูแลเธออย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง

 

 

แล้วถ้าเราทำหน้าที่ทุกอย่าง

อย่างดีที่สุด...

ผมคิดว่าเราประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตแล้วล่ะครับ

 

 

 

และจุดสุดท้ายผมหวังไว้ว่า

ผมอยากตายอย่างดีที่สุด 

ผมคิดเสมอว่าอยากจะตายให้เท่ที่สุด 

อยากรู้ตัวทุกขณะจิตในตอนที่กำลังจะตาย

ไม่ใช่ตายโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ตายโดยขาดสติ

 

 

 

 

 

อะไรที่ทำได้...จงทำ

ทำทุกสิ่งในดีที่สุด   ทำมันเดี๋ยวนี้เลยนะครับ

อย่ารอ เพราะเราไม่รู้จริงๆว่าเราจะตายเมื่อไหร่

เดินออกจากห้องนี้ไป

เราอาจจะหัวใจวายตายไปก็ได้...

 

 

 

ผมเคยอยู่ในเหตุการณ์สองสามครั้งในชีวิต

อยู่ในเหตุการณ์รถชน  ป่วย และตกจากหลังคาสูง

แต่ผมไม่ตาย...พอไม่ตาย

เลยเห็นคุณค่าของชีวิต  เห็นคุณค่าของการที่ยังมีลมหายใจอยู่

ว่ามันมีโอกาสให้เราได้ทำอะไรต่างๆมากมาย

 

แล้วถ้าเราไม่ทำ...

เกิดตายก่อนขึ้นมา 

เราจะต้องเสียดายมากๆเลย

 

 

 

ดีใจและขอบคุณมากนะครับที่ให้โอกาสได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน

 

 

คำแนะนำที่ดีที่สุด  ก็คือ  อย่าเชื่อคำแนะนำ

(ของผมหรือของใครก็ตาม)

 

 

ลองออกไปใช้ชีวิตจริงๆ

ไปเจอปัญหาจริงๆ

แล้วตอบตัวเองให้ได้ว่ามันจริงอย่างที่ผมพูดหรือเปล่า

 

แพ้บ้าง  ล้มเหลวบ้างก็ช่างมัน

นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเติบโต

อย่าไปคิดว่าชีวิตที่ดีคือชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างเดียว

ชีวิตที่มีแต่ความสุขอย่างเดียว

ไม่ใช่ชีวิตที่แท้จริง…..

ชีวิตจริงมันคือประสบการณ์ทั้งดีและร้าย

ประสบการณ์ที่ทำให้เราเรียนรู้และเติบโต

 

ขอให้ทุกคนโชคดี.

 

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่