บทความทั่วไป

:: อย่าให้อดีตเป็นตัวกำหนดเอกลักษณ์ของคุณ ::

กะว่าก๋า

 

:: อย่าให้อดีตเป็นตัวกำหนดเอกลักษณ์ของคุณ ::



ภาพและคำโดย : กะว่าก๋า


















เพื่อนบางคนเคยปรับทุกข์กับผม
เธอบอกว่าที่ชีวิตรักของเธอล้มเหลวอยู่ตลอดเวลา
นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเธอเลิกรากัน.....
มันทำให้ผมนึกถึงตรรกะแบบ



“เมื่อผีเสื้อขยับปีก พายุก็ก่อตัวเคลื่อนไหว”



คนเรามักหาเหตุเพื่อสร้างความชอบธรรม
และทำให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง
จำไม่ได้ทั้งหมดว่าพูดอะไรออกไปในวันนั้น
แต่มีประโยคหนึ่งที่ผมคิดว่าเธอคงจำได้





“เราเป็นอย่างที่เราคิด เราคิดอย่างที่เราเชื่อ”




ในเพื่อนร่วมรุ่น บางคนเรียนจบได้งานทำ
มีตำแหน่งใหญ่โต ร่ำรวยมีเงินทอง
ครอบครัวมีความสุข บางคนเรียนไม่จบ
และมีปัญหากับการประคับประคองชีวิตตลอดเวลา



หลังจากไม่เจอกันนานมาก....
เพื่อนคนหนึ่งของผมมีอาชีพเป็นแคดดี้ในสนามกอล์ฟ
เขามีลูกสองคน ภรรยาหนึ่งคน
กับชีวิตที่ยากจนข้นแค้น เขาได้แต่ด่าทอโชคชะตา
ตัดพ้อเพื่อนฝูงที่ไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือ
หลายครั้งที่เจอกันตามงานแต่งงานเพื่อนร่วมรุ่น
เขามาพบเพื่อนด้วยสภาพเมามาย เสื้อผ้ายับยู่ยี่....
เมื่อนั่งลงกลางโต๊ะ เขาพร่ำพูดถึงแต่ชีวิตอันย่ำแย่ของตัวเอง
เรียกบริกรเพื่อขอเหล้ามาดื่มตลอดเวลา
เวลาผ่านไปไม่นาน...เขาเริ่มเมามายมากขึ้น
และทำตัวเลอะเทอะลุงลังในงานนั้น



ทุกคนมีอดีตอันเจ็บปวดทั้งนั้น
เมื่อการใช้ชีวิตในโลกนี้ อุดมไปด้วยความทุกข์ทั้งสิ้น
ทุกข์ของคนที่ปวดฟัน
ทุกข์ของคนที่ไม่มีข้าวกิน
ทุกข์ของคนที่บ้านถูกน้ำท่วม
ทุกข์ของคนที่ครอบครัวกำลังแตกสลาย
ทุกข์ของคนที่ผิดหวังกับความรัก
ทุกข์ของคนที่การงานล้มเหลว
ทุกข์ของคนที่เจ็บป่วยใกล้วางวาย
ทุกข์ของภาวะหนี้สินที่ล้นเกิน
ทุกข์จากการถูกบังคับให้ลงจากตำแหน่งสูงส่งจอมปลอม
ทุกข์จากการไม่เป็นที่รักของคนรอบข้าง
หรือแม้แต่ความทุกข์ที่ไม่อาจหาใครเพื่อรักจริงได้แม้เพียงสักคน


เราต่างเกาะกุมความทุกข์ในทุกๆรูปแบบ
มีใครไม่ทุกข์ นับตั้งแต่พระราชายันยาจก
ตั้งแต่คนรวยล้นฟ้าจนถึงคนต่ำต้อยติดดิน


อดีต...คือ อดีต
อดีตที่เต็มไปด้วยความทุกข์
ทั้งทุกข์ที่ทนได้ และที่ทนไม่ได้
แต่ถ้าเราแข็งแกร่ง หยัดยืน
วันหนึ่ง...ทุกข์นั้นจะผ่านไป

มีประโยชน์อะไรกับการเฝ้าด่าทอสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
เพราะเราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
สิ่งที่สูญเสียไปแล้ว...ไม่มีทางเรียกร้องกลับคืน
แต่เราสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้
ด้วยการลงมือทำ ... ไม่ใช่การร้องขอ




ผมรู้จักใครหลายคนที่เกิดมาในครอบครัวแตกร้าว
แต่เมื่อเขามีครอบครัว กลับทุ่มเทความรักลงไปอย่างพอดี
ไม่มากล้นและไม่น้อยเกินไป มีลูกน้อยน่ารัก ภรรยาที่แสนดี
มีชีวิตครอบครัวที่มีความสุข....โดยไม่ต้องโทษคนอื่น
เพียงแต่หันมามองตัวเองอย่างถ่องแท้
ใช้ความผิดพลาดของพ่อแม่เป็นเครื่องเตือนใจ
ว่าจะไม่เดินย่ำซ้ำรอยแห่งความผิดพลาดนั้น


เพื่อนบางคนเรียนไม่สูง
แต่พอจบออกมาตั้งใจทำมาหากินอย่างขยันขันแข็ง
คุณทำงานห้าวัน เขาทำเจ็ดวัน
ขณะที่คุณนั่งเฮฮากลางวงเหล้าทุกคืน
เขานั่งอยู่บนโต๊ะทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เขานั่งรอให้โชคช่วยหรือ ?
เขารอให้เงินล้านหล่นมาประเคนตรงหน้าหรือ ?
เขาวิ่ง...ขณะที่คุณยังหมอบคลานกับชีวิต
และเอาแต่ก่นด่าโชคชะตาฟ้าดิน



“อย่าให้อดีตเป็นตัวกำหนดเอกลักษณ์ของคุณ”


สิ่งที่ผ่านไปแล้ว มันคืออดีต ..
ที่เราไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้อีก

อยู่กับวันนี้ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด...

ทุกสิ่งมันเกิดขึ้นด้วย “ตัวเรา” ทั้งหมดทั้งสิ้น
เมื่อทำสิ่งใดลงไป
ต้องกล้าพอที่จะรับผลของการกระทำนั้น
ไม่ใช่มัวมาร่ำร้องคร่ำครวญหาความยุติธรรมที่ไม่มีจริงบนโลกใบนี้



เราไม่จำเป็นต้องลบลืมอดีต
สิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้ว
เราทำอะไรกับมันไม่ได้ แก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
แต่เราทำให้อดีตที่เจ็บปวดไม่สามารถย้อนกลับมาทำร้ายเราได้
ด้วยการอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างรู้เท่าทัน....

อดีตผ่านไปแล้ว
อนาคตยังมาไม่ถึง
ไม่มีความจำเป็นใดใดต้องไปนึกถึงมัน
ทำวินาทีนี้ให้ดีที่สุด
แล้วมันจะดูแลทั้งหมดของตัวเราเอง


หยุดโทษคนอื่น
หยุดผลักภาระความรับผิดชอบของตัวเองไปให้กับสิ่งอื่น
เช่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หมอดู หรือโชคชะตา


เราเป็นอย่างที่เราเชื่อ เราเชื่ออย่างที่เราคิด
ชีวิตจะดีจะเลวอยู่ที่เราคิด พูด ทำ
ต้องกล้าที่จะท้าทายความทุกข์
ต้องรู้ทันความสุข

ที่สุดแล้ว....เราเปลี่ยนสิ่งที่เราเคยเป็นไม่ได้
เราเปลี่ยนเป็นคนใหม่ไม่ได้
ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลอีกกี่ครั้ง


แต่เราเปลี่ยนตัวเราในวันนี้เพื่อให้เป็นคนเดิมที่ดีขึ้นได้ในอนาคต
ด้วยการเปลี่ยนมุมมองความคิดความเชื่อที่เราจะมีต่อตัวเอง
และถ้าจะต้องเป็นอย่างนั้น...



ทำไมเราไม่ทำ ?

 

 

 

 

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่