บทความทั่วไป

:: คุณค่า ::

กะว่าก๋า

:: คุณค่า ::



ภาพและคำโดย : กะว่าก๋า













ศิลปินชื่อดังคนหนึ่ง
นั่งวาดภาพสีน้ำอยู่บริเวณพระราชวังเก่าแก่
เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเดินผ่านมาโดยบังเอิญ
เขาเห็นรูปที่ศิลปินคนนี้กำลังวาดอยู่
เป็นรูปที่งดงามถูกใจเขาเป็นอย่างยิ่ง
เขาจึงเดินเข้าไปขอซื้อภาพวาดนี้
“ท่านให้ราคาเท่าไหร่ ?” ศิลปินถาม
“หนึ่งแสนเหรียญ” เศรษฐีตอบด้วยน้ำเสียงลำพองเย่อหยิ่ง
“ผมคงขายให้ท่านไม่ได้” ศิลปินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เศรษฐีทำหน้าแปลกใจ
“น้อยเกินไปหรือ งั้นผมให้คุณห้าแสนเลยเป็นไง”
“ผมยังคงขายให้ท่านไม่ได้อยู่ดี” ศิลปินตอบยิ้มๆ

ขณะที่การสนทนาต่อรองราคาเป็นไปอย่างเข้มข้นอยู่นั้น
มีเด็กชายวัยสิบขวบคนหนึ่งเดินผ่านมา
เจ้าหนูยืนหยุดมองดูภาพวาด
ตาแป๋วด้วยความสนอกสนใจ
มือขวาล้วงกระเป๋าเหมือนกำอะไรไว้แน่น
ราวกับในกระเป๋ามีของล้ำค่าซ่อนอยู่
ศิลปินหันไปถาม
“ชอบภาพนี้เหรอเจ้าหนูน้อย”
“ครับ”
ศิลปินยิ้มให้เด็กน้อย
“หนูจะซื้อมันไหมล่ะ ฉันจะขายให้”
เจ้าหนูทำหน้าเศร้า
“รูปของท่านราคาแพงมาก ผมมีเงินแค่นี้เอง
คงซื้อรูปที่ท่านวาดไม่ได้หรอกครับ”

เด็กน้อยว่าพลางล้วงมืออกมาจากกระเป๋ากางเกง
เมื่อแบมือออกมามีเพียงเหรียญเดียวปรากฏอยู่

“ฉันตกลงขายภาพนี้ให้หนูราคาหนึ่งเหรียญ เอาไหม...”
เด็กน้อยทำหน้าตาตื่นเต้นดีใจสุดชีวิต รีบจ่ายเงินให้กับศิลปิน
พร้อมกับรับรูปภาพมาอุ้มไว้แนบอกด้วยความดีใจ
ก่อนวิ่งจากไป เจ้าหนูหันกลับมาฉีกยิ้มพร้อมกับกล่าวคำว่า
“ขอบคุณมากครับท่าน”
แล้วหนูน้อยก็วิ่งหอบรูปภาพจากไปอย่างรวดเร็ว


เศรษฐีมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความงงงัน
“ทำไมถึงไม่ขายรูปนี้ให้กับผม ในเมื่อผมให้เงินท่านตั้งเยอะ”
เศรษฐีต่อว่า
“ท่านให้ผมน้อยเกินไป” ศิลปินพูด
เศรษฐียังไม่หายข้องใจ
“แล้วทีเด็กคนนั้นให้ท่านแค่เหรียญเดียว
ท่านกลับขายให้เขา หมายความว่าอย่างไร ?”
“เจ้าหนูคนนั้นให้ผมมากเกินไป”

ศิลปินพูดพลางเก็บเครื่องมืออุปกรณ์วาดภาพ
แล้วลุกเดินจากไป
ปล่อยให้เศรษฐียืนงงงันอยู่ตรงนั้นด้วยความไม่เข้าใจ




หลายครั้งหลายหนที่เราปล่อยให้คำพูดของคนอื่น
มามีอิทธิพลต่อความคิดความอ่านของเรา
เราสูญเสียการควบคุมตัวเอง
เพราะพ่ายแพ้ต่อคำกล่าวอ้างของคนอื่น
เราเป็นอย่างที่เขาพูด เราทำอย่างที่เขาสั่ง
และเรา..ไม่เคยเป็นตัวของตัวเองอย่างเชื่อมั่นเลย



เมื่อมองคนอื่น...
อย่าตัดสินคุณค่าของคนด้วยภาพลักษณ์ภายนอกที่เรามองเห็น

อย่าด่วนเชื่อใจเพียงแค่ได้ฟังถ้อยคำหวานๆป้อนกรอกหู

แม้แต่คนที่เราเกลียดชังที่สุดในชีวิต
เขาก็สามารถเป็นครูที่สอนเราเรื่องการให้อภัยได้ดีที่สุด

เพียงแต่เราเคยได้ลองหยุดและคิดตามดูบ้างไหม
ว่าแท้จริงแล้ว “คุณค่า” ของคนๆหนึ่งนั้นอยู่ตรงที่ใด

คุณค่าของคนๆหนึ่งไม่ได้อยู่แค่ทรัพย์สินเงินทองที่เขามีอยู่
ไม่ได้วัดจากตำแหน่งแห่งหนอันเป็นหัวโขนจอมปลอม
ไม่ได้ถูกวัดค่าราคาจากสิ่งที่เขาเป็น
แต่เราวัดจากสิ่งที่เขามีอยู่

การมีอยู่ของสิ่งนี้ คือ สิ่งที่เราเรียกว่า

“การรู้จักและมองเห็นคุณค่าของตัวเอง”


แม้แต่คนดูดส้วมหรือคนกวาดขยะ
หากเขาทำงานนั้นด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท
คุณค่าของเขาย่อมเกิดจากคุณค่าของงานที่เขาทำ
เกิดจากทัศนคติที่เขามีต่อชีวิตตัวเอง
ไม่ใช่ให้สังคมพิพากษาชีวิตคนๆหนึ่งด้วยงานหรือเงินที่เขามี

การยอมรับและเคารพนับถือในบุคคล
จึงควรวัดที่คุณงามความดีและจิตใจของคน
มากกว่าการมุ่งมองไปที่ทรัพย์สินเงินทอง
หรือตำแหน่งแห่งหนของใครคนนั้น


“น้อยเกินไป” ของใครบางคน
อาจหมายถึง “ทั้งหมดที่มีอยู่” ของใครอีกคน
“มากเกินไป” สำหรับใจคนโลภ
โลกทั้งใบก็คงไม่เพียงพอต่อใจที่อยากครอบครอง


จงเป็นอย่างที่เราเป็นได้
และเป็นให้ดียิ่งกว่า
อย่าให้ใครมาบอกว่าเราเป็นได้แค่ไหน
จงกล้าท้าทายตัวเองให้ทำในสิ่งที่มีคุณค่า
ทำในสิ่งดีงาม และสร้างมูลค่าของตัวเราเอง
ด้วยคุณงามความดีที่พึงกระทำ.

 

 

 

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่